♦ เชื่อมอลูมิเนียม กับคำถามยอดฮิต

อลูมิเนียม โลหะยอดนิยมชนิดหนึ่งในบ้านเรา ที่นิยมใช้ทำเป็นชิ้นส่วนเครื่องจักร ไม่ว่าขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ไปจนถึงยานยนต์ บรรจุภัณฑ์ชนิดต่าง ๆ แน่นอนว่า การนำชิ้นส่วนโลหะมาประกอบกันนั้น บางครั้งหลีกหนีการเชื่อมไม่พ้น บ่อยครั้งที่ผู้ใช้เกิดคำถามว่าควรจะเลือกใช้ลวดเชื่อมเบอร์หรือเกรดใดดี อันนี้คือหนึ่งในคำถามยอดฮิตเลยละครับ
สำหรับบทความนี้ เป็นบทสรุปของการเลือกใช้ลวดเชื่อมเกรด 5356 และ 4043 ซึ่งลวดเชื่อม 2 เกรด หรือ 2 เบอร์นี้ เป็นลวดเชื่อมที่นิยมใช้และหาซื้อได้ง่ายในบ้านเรา แต่พบว่าผู้ใช้งานหลายท่านยังไม่ทราบเกี่ยวกับข้อแตกต่างระหว่างลวดเชื่อม 2 เบอร์นี้ บางท่านเข้าใจว่าลวดเชื่อม 2 เบอร์นี้ใช้ทดแทนกันได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง สำหรับการเลือกใช้ลวดเชื่อมอลูมิเนียมนั้น ผมเคยเขียนบทความมาบ้างแล้ว สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยอ่าน สามารถตามอ่านได้ตามนี้ครับ
6 กรณีศึกษา การเลือกใช้ลวดเชื่อม สำหรับการเชื่อมอลูมิเนียม
สิ่งสำคัญในการเลือกใช้ลวดเชื่อมอลูมิเนียม
อลูมิเนียมที่ใช้ในงานโครงสร้าง มีหลากหลายเบอร์ และแน่นอนว่าสามารถเลือกใช้ลวดเชื่อมได้หลายเกรดหลายเบอร์เช่นกัน ตัวอย่างเช่น อลูมิเนียมเบอร์ 5052 ที่มีปริมาณแมกนีเซียม 2.5% สามารถใช้ลวดเชื่อมได้ทั้งเกรด 5356 หรือ 4043 อลูมิเนียมรูปพรรณเกรด 6063 หรือ 6061 ที่นิยมใช้ในงานประกอบชิ้นส่วน ก็สามารถใช้ลวดเชื่อมได้ทั้งเกรด 5356 หรือ 4043 เช่นกัน แล้วท่านทราบไหมว่าควรจะใช้ลวดเชื่อมเบอร์ใด ระหว่าง 5356 หรือ 4043 ??
ขอให้พิจารณาบทสรุปด้านล่างนี้ แล้วศึกษาเพิ่มเติมในบทความเรื่อง “สิ่งสำคัญในการเลือกใช้ลวดเชื่อมอลูมิเนียม” ตามลิงค์ที่ให้ไว้ด้านบนนะครับ
- ความเป็นจริงพื้นฐานคือ ลวดเชื่อมเกรด 4043 มีปริมาณธาตุซิลิคอนผสมอยู่ในลวดเชื่อม 5 % แต่ ลวดเชื่อมเกรด 5356 มีปริมาณธาตุแมกนีเซียมผสมอยู่ในลวดเชื่อม 5 %
- ถ้าคุณต้องทำการชุบอโนไดซ์อลูมิเนียมหลังจากเชื่อม ไม่ควรใช้ลวดเชื่อม 4043 เพราะซิลิคอนจะทำให้สีแนวเชื่อมกลายเป็นสีที่เข้มกว่าชิ้นงาน ในกรณีนี้แนะนำให้ใช้ลวดเชื่อม 5356 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากงานนั้นเป็นอลูมิเนียมเกรด 6xxx
- หากงานนั้นต้องนำไปใช้ที่อุณหภูมิเกิน 66oC แนะนำให้ใช้ลวดเชื่อม 4043 เนื่องจากลวดเชื่อม 5356 มีปริมาณธาตุแมกนีเซียมผสมอยู่ในลวดเชื่อม 5 % ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานที่อุณหภูมิสูง เพราะอาจจะเกิดความเสียหายต่อแนวเชื่อมได้
- การใช้งานของรอยต่อ ในสภาวะที่ไม่มีการทำ Post weld Treatment หลังการเชื่อม ลวดเชื่อม 4043 จะให้ความยืดหยุ่นน้อยกว่าลวดเชื่อม 5356 หากต้องทำการขึ้นรูปภายหลังการเชื่อม หรือต้องทำการทดสอบด้วยการดัดโค้ง ต้องพิจารณาหากใช้ลวดเชื่อม 4043
- ความต้านทานแรงเฉือนของลวดเชื่อม 4043 น้อยกว่า 5356 ความต้านทานแรงเฉือนของลวด 4043 มีค่าประมาณ 15 ksi ในขณะที่ความต้านทานแรงเฉือนของลวด 5356 มีค่าประมาณ 26 ksi ดังนั้นการออกแบบรอยต่อแบบ Fillet ต้องให้ความสำคัญกับการคำนวณขนาดรอยเชื่อม
- ลวดเชื่อม 4043 เมื่อเทียบกับลวดเชื่อม 5356 ตัวลวด 4043 จะอ่อนกว่า ดังนั้นมักจะมีปัญหาเรื่องการป้อนลวดเข้าสู่สายเชื่อม ในกระบวนการเชื่อม MIG ดังนั้นจึงต้องพิจารณาระบบป้อนลวดให้ดี โดยเฉพาะเมื่อใช้ลวดเชื่อมขนาดเล็ก
- สำหรับการเชื่อมอลูมิเนียมที่มีส่วนผสมของแมกนีเซียม (อลูมิเนียมกลุ่ม 5xxx) ที่มีปริมาณแมกนีเซียมเกิน 2.5% เช่นเกรด 5086 หรือ 5083 ไม่แนะนำให้ใช้ลวดเชื่อเกรด 4043 เนื่องจากปริมาณซิลิกอน 5% ที่ผสมในลวดเชื่อมเกรด 4043 นั้น จะผสมกับปริมาณแมกนีเซียมในชิ้นงาน ทำให้คุณสมบัติทางกลของอลูมิเนียมไม่เป็นไปตามต้องการ
- สำหรับงานทั่วไปที่มีความง่ายต่อการเชื่อมหรือมีความไวต่อการแตกร้าวต่ำ ลวดเชื่อมเกรด 4043 เป็นคำตอบที่ดี สามารถเชื่อมได้ง่าย รอยเชื่อมเรียบสวยงาม สะเก็ดเชื่อมน้อยกว่า เป็นลวดเชื่อมที่นิยมใช้มากกว่า
สรุป ในการเชื่อมอลูมิเนียม คุณสมบัติของรอยต่อที่ได้นอกจากขึ้นอยู่กับการออกแบบรอยต่อแล้ว ยังขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ลวดเชื่อม เทคนิคการเชื่อม การเลือกใช้กระบวนการเชื่อม ดังนั้นการทำความเข้าใจในลักษณะงานเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเป็นสำคัญ ผู้ใช้ต้องทราบเกรดของอลูมิเนียมที่จะนำมาเชื่อม ลักษณะของการใช้งานหลังจากเชื่อม หลักพิจารณาการเลือกใช้ลวดเชื่อมหรือกระบวนการเชื่อม รวมถึงขั้นตอนการปฏิบัติที่ถูกต้อง จึงจะได้ชิ้นงานหรือรอยต่อที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ออกแบบไว้ …
Ref: A Practical Guide for Troubleshooting Aluminum Welding – Related Problems
ผู้เขียน: ชัชชัย อินนุมาตร